พิธีกรชื่อดัง อั๋น ภูวนาท ออกมาโพสต์เตือนสังคมให้ระมัดระวังการแพร่ภาพปลอมที่สร้างด้วย AI พร้อมกล่าวว่า “อย่าแชร์เฟกนิวส์” เพราะอาจทำลายความน่าเชื่อถือของชาติและบิดเบือนความจริงในสังคม
“อย่าหลงแชร์! คลิปหลุดภาพรักนายพลสาว–ฮุน เซน อาจเป็นแค่ละคร AI”
เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2568 ภาพถ่ายที่เผยให้เห็นความสนิทสนมระหว่าง สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา (อดีตนายกรัฐมนตรี) และ พลโทหญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหม ถูกแชร์ในโซเชียลมีเดีย พร้อมข้อความสื่อสัมพันธ์ส่วนตัวจนกลายเป็นกระแสร้อนในไทยและกัมพูชา
หลายฝ่ายตั้งสงสัยว่าเป็นภาพจริงหรือสร้างโดย AI แต่หลังตรวจสอบพบว่าเป็นภาพที่ถูกตัดต่อหรือสร้างขึ้นด้วย AI ซึ่งแม้จะรู้ว่าไม่เป็นความจริง แต่ความสมจริงของภาพก็ทำให้หลายคนข้องใจว่ามีเบื้องหลังจริงหรือไม่
ชาวเน็ตไทยแสดงความคิดเห็นแซวแรง เช่น ตั้งชื่อซีรีส์เสียดสีว่า “มาลีมีฮุน วุ่นรักนักหักหลัง” และบางคนคอมเมนต์ในเพจของสมเด็จฯ ฮุน เซน จนเจ้าตัวต้องปิดการแสดงความเห็นบนเฟซบุ๊ก
เสียงเตือนจากวงการสื่อ
พิธีกรชื่อดัง อั๋น ภูวนาท ออกมาโพสต์เตือนสังคมให้ระมัดระวังการแพร่ภาพปลอมที่สร้างด้วย AI พร้อมกล่าวว่า “อย่าแชร์เฟกนิวส์” เพราะอาจทำลายความน่าเชื่อถือของชาติและบิดเบือนความจริงในสังคม
ฮุน เซน ตอบโต้แบบคลายเครียด
เพื่อลดความตึงเครียด สมเด็จฯ ฮุน เซน โพสต์รูปตัวเองภาพนอนหลับพับอยู่หลังประชุมที่โต๊ะทำงาน พร้อมข้อความเล่าว่า “เผลอหลับไปสองชั่วโมงหลังประชุมกับผู้นำและทหาร” โดยมีชาวเน็ตกัมพูชาแห่กดหัวใจให้กำลังใจและแสดงความห่วงใยจำนวนมาก
ความเคลื่อนไหวด้านต่างประเทศ
ภาพปลอมที่ใช้ AI สร้างไม่ใช่กระแสแค่ในเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว แต่ยังเชื่อมโยงกับบรรยากาศความตึงเครียดชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา ที่เพิ่งเกิดการปะทะอย่างรุนแรงเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2568 การใช้ภาพปลอมเพื่อปลุกเร้าหรือบิดเบือนข้อมูลจึงยิ่งทวีความสำคัญ
ในช่วงสงครามสื่ออื่น ๆ เช่น พลโทหญิง มาลี โสเจียตาเอง เคยถูกกองทัพไทยต่อว่าว่าเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับเหตุการณ์ข้ามพรมแดนอย่างรุนแรง (nationthailand)
ขณะเดียวกัน พลโทหญิงยังกล่าวในอีกโอกาสว่า มีการปล่อยภาพและวิดีโอปลอมผ่านแพลตฟอร์ม เช่น คลิปปลอมของฮุน เซน ที่ถูกแชร์โดยกลุ่มแฮกเกอร์ไทยเพื่อหลอกขอเงิน (Khmer Times) ซึ่งสะท้อนถึงประเด็นปัญหาการสร้างข่าวปลอมในยุค AI
ทำไมเรื่องนี้จึงสำคัญ?
- ภัย AI ต่อสื่อออนไลน์ — การใช้ AI สร้างภาพหรือข่าวปลอมที่สมจริงสามารถบิดเบือนรับรู้ของประชาชนได้
- ผลกระทบความน่าเชื่อถือ — ข่าวปลอมหรือภาพปลอมอาจทำลายภาพลักษณ์ผู้นำและสร้างความระแวงในวงสังคมและระหว่างประเทศ
- ความสัมพันธ์ของผู้นำ — แม้ภาพจะปลอม แต่กระแสข่าวอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นในผู้นำและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- ต้นตอแห่งโซเชียลมีเดีย — ทำให้ใคร ๆ ก็สามารถสร้างเรื่องสงสัยได้ง่าย และลามไปยังข่าวใหญ่ระดับประเทศได้รวดเร็ว
บทเรียนจากดราม่านี้
- การตรวจสอบแหล่งข้อมูลก่อนแชร์เป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะภาพที่ดูสมจริงแต่ไม่มีแหล่งยืนยัน
- หากพบภาพหรือคลิปที่น่าเชื่อสงสัย ควรตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ fact-check หรือหน่วยงานข่าวที่เชื่อถือได้
- ผู้นำหรือบุคคลสาธารณะควรจัดการสื่อโซเชียลให้รอบคอบ เช่น ปิดคอมเมนต์เพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินด้วยความเห็นที่ไม่ถูกต้อง
สรุป
หากมองในเชิงการเมือง ภาพดราม่า “มาลี–ฮุน เซน” แสดงให้เห็นว่าความสามารถของ AI ในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ และสามารถสร้างข่าวปลอมที่กระจายเร็วทันใจ ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นประชาชนทั่วไปหรือคนมีชื่อเสียง ความรับผิดชอบในการแชร์ข้อมูล และการใช้สื่ออย่างมีสติ ยิ่งสำคัญขึ้นทุกวัน